ผีแดงปิดจ๊อบใน 120 นาที
ฟุตบอลเมื่อคืนที่ผ่านมานั้นในประเทศอังกฤษมีการแข่งขันรายการที่สำคัญอยู่ 2 รายการด้วยกัน ทั้งพรีเมียร์ลีก และเอฟเอ คัพ ที่เราจะพูดถึงเป็นการพบกันในศึกแดงเดือด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาลในรายการที่เก่าแก่ที่สุดอย่างเอฟเอ คัพ เจ้าบ้าน แมนยู อยู่ในฟอร์มการเล่นที่ไม่ค่อยคงเส้นคงวาสักเท่าไหร่ ชนะ 3 และแพ้ 2 รวม 5 นัดหลังสุด รวมทุกรายการ ส่วนทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ชนะ 4 เสมอ 1 ไม่แพ้ใครเลย 5 นัดหลังสุด รวมทุกรายการ
เริ่มเกมเพียง 10 นาที เจ้าบ้านได้ประตูขึ้นนำจากสกอตต์ แม็คโทมิเนย์ แต่ก่อนจะจบครึ่งแรกทีมเยือนมาได้ 2 ลูกรวดแซงนำทันทีจาก อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ในนาทีที่ 44 กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก นาทีที่ 45+2 ต้องลุ้นต่ออีก 45 นาทีสุดท้าย
เกมในครึ่งหลังทั้งสองทีมสู้กันอย่างเต็มที่ แต่เจ้าบ้านไม่ยอมแพ้จนมาได้ประตูตามตีเสมอจากแอนโทนี่ นาทีที่ 87 ช่วงต่อเวลาบาดเจ็บทำอะไรกันไม่ได้ ต้องต่อเวลาพิเศษต่อไปอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลาฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ทำให้ลิเวอร์พูลพลิกขึ้นนำอีกครั้งนาทีที่ 105 ก่อนที่ต่อเวลาพิเศษครึ่งหลังจะเป็นเกมของทีมปีศาจแดงเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด ช่วยไล่ตีเสมอ 2-2 ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงนาทีที่ 120 สุดท้าย อาหมัด ดิยาลโล่ ตัวสำรองกลายเป็นฮีโร่ซัดช่วยทีมปีศาจแดงพลิกชนะ
จบเกมทำให้ แมนยู ที่ชนะลิเวอร์พูล 3-2 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปสู่เวมบ์ลี่ย์ได้สำเร็จอีกครั้ง
วิจารณ์หลังเกม
ชัยชนะของทีมปีศาจแดง นับว่าเป็นผลดีของพวกเขาอย่างมาก ทั้งเรื่องของการได้เข้าสู่รอบรองที่เวมบ์ลี่ย์ มีโอกาสได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เพราะได้จับฉลากพบกับทีมโคเวนทรี ทีมจากลีกรอง แม้จะประมาทไม่ได้ก็ตาม แต่ภาษียังดีกว่า อีกหนึ่งเรื่องที่ได้เลยก็คือ ความมั่นใจนั่นเอง
ซึ่งหากทีม แมนยู สามารถรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีแบบนี้ให้ได้อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะเกิดผลดีให้เห็นอย่างแน่นอนในวันข้างหน้า ทั้งเรื่องของถ้วยแชมป์ และเรื่องของการทำอันดับบนตารางให้ดีที่สุดอย่างน้อยก็เพี่อได้เข้าร่วมแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกที่บรรดาทีมยักษ์ใหญ่ต่างก็ให้ความสำคัญครับ
ขอขอบคุณบทความคุณภาพจาก : https://batflik.com/